ผ่อน iPhone 0% สักเครื่อง ทำไงถึงจะได้เครื่องถูกและคุ้มสุด?
เวลาจะซื้อ iPhone ใหม่สักเครื่อง เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่มีบัตรเครดิตก็มองหาโปรโมชั่นผ่อน iPhone ดี ๆ ได้ Cash back และส่วนลดต่าง ๆ ให้ราคาเครื่องออกมาถูก ๆ ยิ่งถ้าได้ของแถมเพิ่มขึ้นก็ยิ่งดี ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มกันรอยหรือเคสสำหรับใส่เครื่องก็ดีเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ว่าจะมีของแถมอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม คนที่อยากได้ iPhone สักเครื่อง ราคาไม่แพงแล้วยังผ่อน 0% ได้ด้วย จะต้องหาจากไหน ทำอย่างไรถึงจะได้เครื่องราคาถูกที่สุดนั้น ในยุคที่คนนิยมซื้อขายสินค้าออนไลน์เรียกว่าทำได้ง่าย ๆ และเร็วยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า และยังหาดีลเด็ด ๆ ได้อีกเพียบด้วย
ก่อนจะผ่อน iPhone สักเครื่องต้องดูเรื่องอะไรบ้าง?
เมื่อต้องการจะผ่อนอะไรสักอย่าง นอกจากบัตรเครดิต, วงเงินในบัตรที่มากพอจะรูดผ่อนสินค้าชิ้นนั้นได้, ตอบตัวเองได้ว่าจะซื้อ iPhone รุ่นไหนมาใช้ ก็ต้องมองหาผู้ขายที่รองรับการผ่อนสินค้าชิ้นนั้น ๆ ได้ด้วย ซึ่งตัวแทนขายรายใหญ่ในปัจจุบัน ก็สามารถผ่อนสินค้าได้แล้ว
ใจความที่ควรคิดก่อนเป็นสิ่งแรกก่อนจะเริ่มหาซื้อ iPhone สักเครื่องนั้นจะมีเรื่องที่ควรคิดก่อน เพื่อให้การเปลี่ยนเครื่องครั้งหนึ่งคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานเราที่สุด คือ
- โปรโมชั่นรายเดือนของเรา – มือถือสักเครื่องกับซิมพ่วงโปรโมชั่นรายเดือนเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรเช็คก่อนเลย คือโปรโมชั่นรายเดือนที่เราใช้งานอยู่นั้นตอบโจทย์การใช้งานไหม แพ็คเกจ 4G และนาทีโทรเหลือพอใช้งานหรือเปล่า ซึ่งถ้าแต่ละเดือนพอใช้และอาจเหลือใช้ หรือแม้แต่ได้สิทธิ์พิเศษจากเครือข่ายเป็นลูกค้ากลุ่มพิเศษหรือแม้แต่ได้ส่วนลดโปรฯ รายเดือนลง 30-50% ก็มองไปทางเครื่องเปล่าไม่ติดสัญญาก็ได้ กลับกันถ้าโปรโมชั่นรายเดือนของเราใช้น้อยเกินความเป็นจริงก็จะเจอปัญหาว่าเน็ตช้าได้เช่นกัน ส่วนวิธีการเช็คว่าเราใช้เน็ตในแต่ละเดือนเยอะแค่ไหน สามารถดูในแอพฯ ของผู้ให้บริการแต่ละรายได้เลย เพราะจะมีระบบเก็บข้อมูลว่าเดือนหนึ่ง ๆ เราใช้ 4G และโทรไปกี่นาทีต่อเดือน และบางรายก็ดูย้อนหลังได้ 3 เดือนอีกด้วย ส่วนใครใช้ซิมรายปีอยู่แล้ว แนะนำให้ซื้อเครื่องเปล่าไปเลยจะดีกว่า
- ความจุตัวเครื่องที่ตอบโจทย์ – ข้อสำคัญคือ iPhone ไม่สามารถเพิ่มเมมโมรี่การ์ดในเครื่องได้แบบ Android (แต่ระยะหลัง ๆ มาก็มีหลายรุ่นไม่มีช่องใส่เมมฯ เหมือนกัน) โดย iPhone ในปัจจุบันจะมีความจุ 64GB, 128GB, 256GB, 512GB ให้เลือก ซึ่งหลายคนก็ไม่แน่ใจว่าจะซื้อความจุเท่าไหร่ดี โดยวิธีการประเมินแบบง่าย ๆ ให้เข้าไปดู Storage ในเครื่องของเรา ว่าใช้หน่วยความจำไปกี่ GB แล้วเผื่อเมมฯ ขึ้นไปอีกนิด เช่น ปัจจุบันเครื่องนี้บันทึกไฟล์งานและติดตั้งแอพฯ อยู่ราว 55GB ก็ไม่ควรเลือกความจุ 64GB มาใช้งาน เพราะพื้นที่จะเต็มเร็ว และ iPhone ใช้หน่วยความจำประเภท NAND Flash Memory ดังนั้นถ้ามีพื้นที่ว่างเหลือน้อย ก็จะทำให้หน่วยความจำอายุการใช้งานสั้นลง ดังนั้นควรเลือกเป็น 128GB ขึ้นไปจะดีที่สุด เป็นต้น
- โปรโมชั่นของแต่ละร้านและ Cash Back – โปรโมชั่นของผู้ขายแต่ละเจ้าเรียกว่าเป็นไม้เด็ดสำหรับดึงลูกค้าให้มาซื้อสินค้ากับตัวเอง แทนที่จะซื้อราคาเต็มตาม Apple Store ต่าง ๆ ร้านตัวแทนจำหน่ายรายอื่นก็จะมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเข้ามาดึงลูกค้า เช่นลดราคาตัวเครื่องแบบไม่มีเงื่อนไขพร้อมกดรหัสรับเงินคืน (Cash Back) และบางเจ้าเอาแต้มในบัตรแลกเป็นส่วนลดราคาเครื่อง พร้อมผ่อน 0% 10 เดือนได้ แล้วได้ของแถมอีกด้วย ซึ่งเวลาจะผ่อน iPhone สักเครื่อง แทนที่จะซื้อตาม Apple Store ตรง ๆ ก็อาจจะเปลี่ยนไปซื้อตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรายอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น BaNANA, Power Buy, Jay Mart, TG FONE ที่มีโปรโมชั่นดี ๆ ก็น่าสนใจกว่า ซึ่งเงื่อนไขการได้ส่วนลดเยอะมากมายเช่นนี้ จะเป็นการคุยต่อรองกับพนักงานหน้าร้านมากกว่าจะมาทำทางออนไลน์เสียมากกว่า
ทั้ง 3 ข้อที่แนะนำไปนั้น จะเป็นวิธีการเตรียมตัวแบบง่าย ๆ ก่อนจะไปซื้อ iPhone จากตัวแทนจำหน่ายรายต่าง ๆ ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยตัวเองแบบง่าย ๆ ซึ่งถ้าเราเตรียมตัวดี เช็คข้อมูลให้เรียบร้อยก็จะช่วยเราเซฟเงินในระยะยาวได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย
ทำความเข้าใจใบโฆษณาของศูนย์บริการเสียก่อน เพราะแต่ละแบรนด์ก็มีวิธีเขียนจูงใจลูกค้าต่างกันไป
บางคนที่เห็นป้ายโฆษณาอย่างในภาพตัวอย่างด้านบนนี้ก็อาจจะมองว่าการซื้อเครื่องกับศูนย์บริการนั้น จะได้สิทธิ์ประโยชน์คุ้มกว่าหลายอย่างนั้น ผู้เขียนขอแจงรายละเอียดในส่วนนี้ดังนี้ว่า
- ผ่อนเริ่มเพียงเดือนละ 404.- – ส่วนนี้มักเป็นข้อมูลที่ผู้ให้บริการมือถือแต่ละแบรนด์นำมาชูโรง ว่าถ้าซื้อ iPhone กับเราถูกกว่า แต่ราคาที่ถูกสุดนั้น มักเป็น iPhone รุ่นราคาถูกสุด เช่น iPhone 12 mini 64GB ผูกโปรโมชั่นราคาแพง เดือนละ 1,499 บาท เป็นเวลา 12 รอบบิล รูดผ่อน iPhone 0% 10 เดือน เฉพาะตัวเครื่อง ส่วนค่าบริการล่วงหน้าชำระแยกด้วยเงินสดหรือรูดยอดสดแทนและย้ายค่ายเพื่อเอาส่วนลด ซึ่งส่วนนี้เป็นเทคนิคของศูนย์บริการมักทำกันเพื่อดึงความสนใจและทำให้ลูกค้าคิดว่าซื้อกับศูนย์ได้ราคาถูกกว่า โดยผู้เขียนจะแสดงวิธีการคำนวนให้ดูด้านล่างว่าตอนผ่อน iPhone แล้วชำระเงินจริง จะต้องจ่ายเท่าไหร่
- ไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า – ในกรณีนี้มักเป็นผู้ใช้เก่าที่เป็นลูกค้ากลุ่มพิเศษที่ใช้โปรโมชั่นราคาแพงมาระยะหนึ่ง เช่น 12-24 เดือน ถึงจะไม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า ผ่อนแค่ค่าเครื่องอย่างเดียวแล้วเซ็นสัญญาใช้บริการต่ออีก 12 เดือน
- ผ่อน 0% สูงสุด 24 เดือน – ขึ้นอยู่กับบัตรเครดิตที่เรามี และมักเป็นบัตรกดเงินสดที่จะได้เงื่อนไขกลุ่มนี้ เช่น Krungsri First Choice, Citibank Ready Credit ฯลฯ
- Apple Accessories ลดสูงสุด 20% – ในส่วนนี้มักมีเงื่อนไข คือถ้าซื้อเครื่องกับทางผู้ให้บริการเครือข่ายนั้น ๆ แล้วมีใบเสร็จยืนยัน ก็จะได้ลดราคาไป
- ฟรี Apple TV+ นาน 12 เดือน – สินค้า Apple ได้แก่ iPhone, iPad, Apple TV ทุกชิ้น ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายรายไหน เมื่อ Activate เครื่องผ่านแล้วจะได้สิทธิ์นี้โดยอัตโนมัติโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่จำเป็นต้องซื้อกับศูนย์บริการเท่านั้น และเมื่อหมดระยะเวลาใช้งานฟรี จะมีค่าบริการรายเดือนตามปกติ
- ฟรี Apple Music นาน 3 เดือน – เป็นนโยบายการให้บริการของทาง Apple มานานแล้ว ว่า Apple ID หนึ่ง สามารถใช้บริการ Apple Music ในครั้งแรกได้ฟรี 3 เดือน ดังนั้นถ้าเราใช้ Apple ID อันเดิมที่ใช้สิทธิ์นี้ไปแล้ว ล็อคอินเข้ากับ iPhone เครื่องใหม่ ก็จะไม่ได้สิทธิ์นี้ไปโดยปริยาย ดังนั้นส่วนนี้เป็นเทคนิคการเขียนโปรโมชั่นของศูนย์บริการนั้น ๆ
ดังนั้น ถ้าเราเห็นใบปลิวโฆษณาของทางศูนย์บริการ ก็จำเป็นต้องเข้าใจการให้บริการของทาง Apple ร่วมด้วย ว่าส่วนไหนเป็นการให้บริการจริง ๆ ของทางศูนย์บริการ และอันไหนเป็นบริการที่ Apple เปิดให้ลูกค้าที่ซื้อ iPhone ไปใช้งานได้ใช้จริง ๆ บ้าง ซึ่งอาจจะถามคนใกล้ตัวที่เก่งเรื่องไอทีหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้
เครื่องเปล่า Vs เครื่องผูกโปร ซื้ออย่างไรถึงจะคุ้ม?
คำถามยอดฮิตตลอดกาล ที่เรามักได้ยินจากคนใกล้ตัวว่าซื้อเครื่องเปล่าหรือเครื่องติดโปรจะคุ้มกว่ากันไม่เคยห่างหายไปเลย ซึ่งคำตอบที่ตายตัวของคำถามนี้ไม่มีอยู่จริง ต้องดูตามการใช้งานของแต่ละคน ไม่สามารถตอบแบบตายตัวได้
เกณฑ์การดู ต้องคำนวนจากค่าบริการรายเดือนของเราเป็นราย 12 เดือน ว่าแพ็คเกจรายเดือนที่ใช้ปัจจุบันตอบโจทย์หรือไม่ แล้วถ้าเปลี่ยนจากโปรฯ เดิมไปเป็นโปรใหม่ จะได้และเสียอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น
โปรโมชั่นปัจจุบัน : อินเตอร์เน็ต 50GB โทรได้ 300 นาที ได้ Wi-Fi ที่เป็นชื่อเครือข่ายศูนย์บริการนั้น ๆ ใช้งานฟรีไม่จำกัดในราคาเต็ม 1,199 บาท ลด 50% เหลือ 599 บาท
ถ้าสมมติต้องการซื้อ iPhone 12 mini 128GB แล้วใช้โปรโมชั่นเดียวกัน แล้วซื้อราคาเต็มจาก Apple Store ราคา 27,900 บาท เมื่อคิดเทียบเป็นตารางจะได้ดังนี้
เครื่องและเงื่อนไข | ราคาออกเครื่อง | โปรโมชั่น | ใช้ครบ 12 เดือน |
สรุปยอดการใช้งานสิ้นปี |
iPhone 12 mini 128GB เครื่องผูกโปร | ค่าเครื่อง 17,200 + ค่าบริการล่วงหน้าพร้อม VAT 7% 3210 บาท สรุปจ่าย 20,410 บาท |
1,199-250 บาท จ่ายที่ 949 บาท 12 เดือน (ไม่รวม VAT) โดยหักจากค่าบริการล่วงหน้า 949+7% = 1,015 บาท |
12,180 บาท | 32,590 บาท (20,410+12,180 บาท) |
iPhone 12 mini 128GB เครื่องเปล่า | 27,900 บาท | 599 บาท (มักเป็นราคารวม VAT แล้ว) |
7,188 บาท | 35,088 บาท (27,900+7,188 บาท) |
จะเห็นทันทีว่าเครื่องผูกโปรจะได้ราคาถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าไม่อยากเสียโปรโมชั่นที่ใช้งานอยู่หรือมีเงื่อนไขอะไรใด ๆ ก็ตาม ร้านค้าตัวแทนอย่างเป็นทางการของ Apple มักมีโปรโมชั่นราคาพิเศษอยู่เรื่อย ๆ เช่นกัน ตัวอย่างเช่น iPhone 12 mini 128GB ซื้อจากร้าน BaNANA แล้วเอามาใช้กับโปรโมชั่นเดิมที่มีอยู่จะได้ดังนี้
เครื่องและเงื่อนไข | ราคาออกเครื่อง | โปรโมชั่น | ใช้ครบ 12 เดือน |
สรุปยอดการใช้งานสิ้นปี |
iPhone 12 mini 128GB เครื่องผูกโปร | ค่าเครื่อง 17,200 + ค่าบริการล่วงหน้าพร้อม VAT 7% 3210 บาท สรุปจ่าย 20,410 บาท |
1,199-250 บาท จ่ายที่ 949 บาท 12 เดือน (ไม่รวม VAT) โดยหักจากค่าบริการล่วงหน้า 949+7% = 1,015 บาท |
12,180 บาท | 32,590 บาท (20,410+12,180 บาท) |
iPhone 12 mini 128GB เครื่องเปล่า | 25,400 บาท | 599 บาท (มักเป็นราคารวม VAT แล้ว) |
7,188 บาท | 32,588 บาท (25,400+7,188 บาท) |
จากสมการ จะเห็นว่าตัวเครื่องที่ได้ลดราคาลงมา 2,500 บาท จะได้ตัวเลขสรุปยอดการใช้งานสิ้นปีแล้ว จะไล่เลี่ยกันและผ่อน iPhone 0% 10 เดือนได้ด้วย แต่ยังไม่รวมการได้ Cash Back กลับไปยังบัตรเครดิตและส่วนลดอื่น ๆ ที่หน้าร้านทำโปรโมชั่นให้ ซึ่งจะได้ราคาตัวเครื่องรวมค่าบริการรายปีโดยสรุปถูกลงอีก นอกจากนี้ถ้าเราไม่พอใจเรื่องการให้บริการหรือสัญญาณโทรศัพท์นั้น ๆ ก็ไม่ติดสัญญาการใช้บริการอีกด้วย
แต่กลับกัน ถ้ามีโปรโมชั่นผ่อน iPhone รุ่นที่สนใจ ได้ส่วนลดตัวเครื่องแบบไม่มีเงื่อนไขหรือมีเซลส์ราคาพิเศษและโค้ดส่วนลดอื่น ๆ เพิ่มเติมบนเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ เข้ามาร่วมด้วย จะยิ่งทำให้ราคาถูกลงไปอีก แต่ก็ต้องเช็คประวัติร้านค้าร้านนั้นให้ดีว่ามีเครดิตเชื่อถือได้หรือไม่ เป็นเครื่องศูนย์ไทยหรือเปล่า ซึ่งถ้ามั่นใจว่าร้านนั้นเป็นร้านดีน่าเชื่อถือก็สามารถซื้อได้ ก็ยิ่งทำให้ราคาถูกลงไปอีก
เครื่องและเงื่อนไข | ราคาออกเครื่อง | โปรโมชั่น | ใช้ครบ 12 เดือน |
สรุปยอดการใช้งานสิ้นปี |
iPhone 12 mini 128GB เครื่องผูกโปร | ค่าเครื่อง 17,200 + ค่าบริการล่วงหน้าพร้อม VAT 7% 3210 บาท สรุปจ่าย 20,410 บาท |
1,199-250 บาท จ่ายที่ 949 บาท 12 เดือน (ไม่รวม VAT) โดยหักจากค่าบริการล่วงหน้า 949+7% = 1,015 บาท |
12,180 บาท | 32,590 บาท (20,410+12,180 บาท) |
iPhone 12 mini 128GB เครื่องเปล่า | 20,890 บาท | 599 บาท (มักเป็นราคารวม VAT แล้ว) |
7,188 บาท | 28,078 บาท (20,890+7,188 บาท) |
แต่อย่างไรก็ตาม การได้ราคาพิเศษและแฟลชเซลส์เช่นนี้มักมีไม่ค่อยบ่อย และหลาย ๆ ครั้งจะเป็นการรูดจ่ายเงินสด แล้วไปทำผ่อนกับทางธนาคารด้วยตัวเองผ่านทางแอพฯ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยตรงและไม่มี Cash Back ยกเว้นจะกลายเป็นส่วนลดในแอพฯ สั่งซื้อสินค้าออนไลน์นั้น ๆ เอาไว้ใช้กับสินค้าอื่นแทน ต่างกับหน้าร้านค้าอย่างเป็นทางการที่มักมีโปรโมชั่นบัตรเครดิตในแต่ละเดือนเตรียมเอาไว้ให้ลูกค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ราคาโปรโมชั่นที่ผู้เขียนนำมายกตัวอย่างเป็นโปรโมชั่นเรท 1,099 บาท ถ้าลดโปรโมชั่นให้ถูกลง นอกจากราคาตัวเครื่องจะแพงขึ้น โปรโมชั่นอินเตอร์เน็ตและโทรรายเดือนก็จะลดลงตามไปตามเงื่อนไขของโปรโมชั่นนั้น ๆ ด้วย ดังนั้นควรเช็คข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
เครื่องเปล่าของแท้มือหนึ่งประกันศูนย์ซื้อไหนดี
ปัจจุบัน เราสามารถหาซื้อแล้วผ่อน iPhone ได้ง่ายกว่าในอดีตมาก และมีตัวแทนจำหน่ายหลากหลายแหล่งทีเดียว ได้แก่
การเลือกซื้อผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ Apple โดยตรง มักจะได้ราคาเต็ม ไม่มีส่วนลดเป็นพิเศษใด ๆ แต่ข้อดีคือเลือกซื้อแบบเอา Apple Care+ ติดเครื่องหรือไม่ก็ได้ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการซื้อประกันให้ตัวเครื่องทันที และมีตัวเลือกผ่อน iPhone กับธนาคารชั้นนำได้หลายแห่งอีกด้วย
นอกจากนี้ Apple ก็มีร้านค้าออนไลน์ของตัวเองอย่างเป็นทางการใน Lazada ด้วย ซึ่งนอกจาก iPhone แล้วก็ยังมีสินค้าอื่น ๆ จัดโปรโมชั่นด้วย เช่น iPad, Apple Watch, Apple Pencil ฯลฯ รวมทั้งทำผ่อนชำระ 0% ได้ด้วย ส่วนโปรโมชั่นส่วนลดเป็นพิเศษต้องไล่เช็คแยกตามรุ่นที่สนใจ
BaNANA ซึ่งเป็นร้านค้าอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ ในเครือ Com7 รวมไปถึง Studio 7 ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายและผ่อน iPhone ได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งเราสามารถเช็คโปรโมชั่นส่วนลดต่าง ๆ ได้ผ่านหน้าเว็บไซต์, สั่งซื้อและผ่อน 0% ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ได้ทันที แต่ส่วนตัวผู้เขียนจะแนะนำให้ไปจบที่หน้าร้าน เพราะเราสามารถส่ง SMS เพื่อทำ Cash Back ก่อนรูดผ่อนชำระได้ด้วย
Power Buy ก็เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple แล้ว iPhone ก็มักมีโปรโมชั่นส่วนลดต่าง ๆ ออกมาเป็นระยะ ๆ โดยบนเว็บไซต์มักเป็นส่วนลดตัวเครื่องเสียเป็นส่วนใหญ่ และผ่อน iPhone ได้ตามเงื่อนไขของบัตรเครดิตนั้น ๆ แต่ถ้าไปที่หน้าร้าน Power Buy สาขาใกล้บ้าน มักจะมีโปรโมชั่นบัตรเครดิต, แลกแต้มในบัตรเซ็นทรัลและ Cash Back ด้วย ซึ่งถ้าเทียบในส่วนหน้าร้านแล้ว Power Buy ก็เป็นหนึ่งในตัวแทนขายสินค้า Apple ที่มีโปรโมชั่นจัดเต็มมากรายหนึ่ง
นอกจากนี้ จะมี TG FONE และ Jay Mart เป็นตัวแทนจำหน่าย iPhone ด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องโปรโมชั่นของตัวแทนสองเจ้านี้ จะขึ้นอยู่กับเดือนนั้น ๆ ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างเสียเป็นส่วนใหญ่
เครื่องติดสัญญาเครือข่ายต่าง ๆ มีวิธีดูสัญญายังไงบ้าง?
การซื้อแล้วผ่อน iPhone กับผู้ให้บริการเครือข่ายนั้น มักเป็นวิธีที่หลายคนทำ เพราะสะดวกและยิ่งถ้าใช้บริการเครือข่ายนั้น ๆ อยู่แล้ว ก็เป็นเหมือนการใช้โปรโมชั่นเดิม (หรือใกล้เคียงเดิม) ต่อไปอีกปีหนึ่ง อาจจะเพราะรับค่าใช้จ่ายได้, ต้องการใช้โปรโมชั่นเดิม ๆ หรือแม้แต่ต้องการต่อสถานะการเป็นลูกค้ากลุ่มพิเศษของเครือข่ายนั้น ๆ ก็ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้หลาย ๆ คนอาจจะสงสัย ว่าเวลาซื้อเครื่องกับศูนย์บริการแล้วทำไมราคาถึงไม่ได้ตามที่โฆษณาเอาไว้ โดยในส่วนนี้จะมีวิธีการอ่านดังนี้
- เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ – ระบุรุ่นที่เราต้องการซื้อ เช่น iPhone 12 mini 128GB
- ราคาขาย – ราคา MSRP (ราคาแนะนำขาย) จากทาง Apple
- ส่วนลด (บาท) – ส่วนลดเมื่อเลือกซื้อเครื่องพร้อมโปรฯ นั้น ๆ
- ราคาสุทธิ (รวม VAT) – ราคาตัวเครื่องหักส่วนลด โดยเอาราคาขายมาลบกับส่วนลด ในตัวอย่างคือ 27,900 – 10,700 = 17,200 บาท
- ค่าแพ็คเกจ ชำระล่วงหน้า (รวม VAT) – ราคาที่ศูนย์บริการบังคับชำระ แล้วจะนำมาหาร 10 แล้วหักกับค่าแพ็คเกจที่เลือกใช้บริการ สามารถจ่ายแยกเป็นเงินสดแล้วผ่อน iPhone ด้วยบัตรเครดิตได้ด้วย
- ตกลงสมัครแพ็คเกจ… – แพ็คเกจที่เลือกใช้บริการ จะได้ส่วนลดโดยเอาค่าชำระล่วงหน้ามาหักกับค่าแพ็คเกจ 10 เดือน ในตัวอย่างเช่น 1,199-250 = 949 บาท ใน 10 เดือนแรก จากนั้น 2 เดือนสุดท้ายของสัญญาต้องชำระเต็มจำนวน
- รวมชำระเงิน (รวม VAT) – ราคาชำระจริงเวลาซื้อเครื่อง โดยเอาราคาเครื่องสุทธิรวมกับค่าแพ็คเกจชำระล่วงหน้า เป็น 17,200+3,210 = 20,410 บาท
สำหรับเงื่อนไขของโปรโมชั่นนั้น ๆ ผู้เขียนแนะนำให้สอบถามกับทางผู้ให้บริการด้วยว่าโปรโมชั่นนั้น ๆ ได้อินเตอร์เน็ต 4G, นาทีโทรและบริการเสริมเช่น Wi-Fi อะไรเพิ่มเติมหรือเป็นลูกค้ากลุ่มพิเศษหรือไม่ เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเองให้ดีที่สุด นอกจากนี้เราควรสอบถามทางผู้ให้บริการด้วยว่าโปรโมชั่นนั้น ๆ ติดสัญญาใช้บริการนานกี่เดือน เพราะเมื่อเลือกโปรโมชั่นนั้น ๆ แล้ว จะไม่สามารถลดโปรโมชั่นให้ถูกลงได้ ต้องเพิ่มโปรโมชั่นอย่างเดียวและได้ส่วนลดจากค่าบริการล่วงหน้าเท่าเดิมด้วย หากเราได้ข้อมูลส่วนนี้แล้วก็จะช่วยให้เราวางแผนได้ว่าถ้าต้องการเปลี่ยนค่ายผู้ให้บริการ, โปรโมชั่นของเราหรือซื้อเครื่องติดสัญญารอบใหม่ จะทำได้เดือนไหนนั่นเอง
สรุป – ผ่อน iPhone แบบติดสัญญาหรือจะเครื่องเปล่าดีกว่า?
สำหรับการผ่อน iPhone แบบเครื่องเปล่าและติดสัญญานั้น จะมีข้อดีข้อสังเกตแตกต่างกันไป ซึ่งสรุปได้ดังนี้
ผ่อน iPhone แบบไหนดี | ข้อดี | ข้อสังเกต |
เครื่องเปล่า | 1. สามารถใส่ซิมเครือข่ายไหนก็ได้ที่มีให้บริการในประเทศ 2. ไม่ต้องเปลี่ยนโปรโมชั่นในซิมของเราก็ได้ 3. มีโปรโมชั่นและส่วนลดต่าง ๆ มากมายให้เลือกซื้อได้ตามผู้ขาย 4. หากมีแฟลชเซลส์ จะได้ราคาถูกลงเป็นพิเศษ 5. บางครั้งจะได้ของแถมเพิ่มเติมจากผู้ขายด้วย |
1. ต้องไล่เช็คโปรโมชั่นและเซลส์ที่คุ้มที่สุดในช่วงนั้น ๆ 2. บางครั้งเครื่องรุ่นที่ต้องการไม่ได้เซลส์ |
เครื่องติดสัญญา |
1. ถ้าใช้บริการและไม่คิดเปลี่ยนค่ายอยู่แล้ว การเลือกซื้อเครื่องติดสัญญาจะคุ้มที่สุด 2. ได้สิทธิ์ลูกค้ากลุ่มพิเศษของเครือข่ายนั้น ๆ |
1. หากซื้อเครื่องติดสัญญา จะเปลี่ยนเครือข่ายและโปรโมชั่นไม่ได้ 2. ของแถมน้อย หรือไม่มี |
จะเห็นว่าวิธีการหาซื้อและผ่อน iPhone สักเครื่องนั้น เราสามารถหาซื้อได้จากหลายแหล่งด้วยกัน และมีลูกเล่นต่าง ๆ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกและคุ้มที่สุดอีกด้วย ไม่ว่าจะหาจากโปรโมชั่นของร้านค้าตัวแทนอย่างเป็นทางการ, แฟลชเซลส์ หรือแม้แต่สั่งซื้อจากเว็บไซต์ของ Apple โดยตรงก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อสินค้าชิ้นหนึ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน เมื่อคิดสะระตะทั้งหมดแล้ว เห็นว่าวิธีการไหนจะเหมาะกับเราที่สุดค่อยเลือกซื้อก็ได้
บทความที่เกี่ยวข้อง